ยาง Michelin แนะนำ 2567 วิธีที่ดีที่สุดในการดูว่ายางรถยนต์ของเราถึงเวลาเปลี่ยนใหม่แล้ว

ยาง Michelin แนะนำ 2567 วิธีที่ดีที่สุดในการดูว่ายางรถยนต์ของเราถึงเวลาเปลี่ยนใหม่แล้ว การดูแลรักษารถยนต์ที่ดีนั้นจำเป็นต้องดูแลยางรถด้วย เพราะยางเป็นส่วนสำคัญของรถยนต์ที่ช่วยให้รถยนต์ของเราสามารถแล่นไปบนท้องถนนได้อย่างปลอดภัย แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางรถยนต์แล้ว วันนี้ Michelin มีวิธีง่ายๆ มาแนะนำดังนี้ ดอกยางสึกหรอจนถึงจุดที่กำหนด ดอกยางรถยนต์มีหน้าที่ในการเกาะถนนและรีดน้ำขณะขับขี่ฝ่าสายฝน เมื่อรถวิ่งมานานๆ ดอกยางบริเวณไหล่ยางจะเริ่มสึกหรอจนถึงจุดที่กำหนด ซึ่งจุดนี้จะมีความลึก 1.6 มิลลิเมตร เราสามารถตรวจสอบได้ด้วยการใช้ เหรียญ 10 บาท โดยนำเหรียญวางลงไปภายในร่องดอกยาง หากเราเห็นขอบเหรียญด้านซ้ายหรือขวา แสดงว่ายางของเราถึงเวลาเปลี่ยนใหม่แล้ว ยางบวมหรือโป่งพอง ยางที่บวมหรือโป่งพอง เกิดจากโครงสร้างภายในยางได้รับความเสียหายจากการใช้งาน เช่น การขับขี่บนถนนที่มีหลุมหรือแอ่งน้ำด้วยความเร็วสูง บริเวณที่บวมจะทำให้หน้ายางไม่แนบสนิทกับพื้นถนน เวลาขับขี่อาจทำให้รถเสียการทรงตัว เกิดการระเบิดของยาง และอาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นเมื่อเราพบว่ายางมีอาการบวมควร เปลี่ยนยางใหม่ ทันที แก้มยางแตกลายงา แก้มยางแตกลายงาเกิดจากการที่ยางเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน เมื่อแก้มยางเริ่มเสื่อมสภาพจะทำให้เกิดรอยแตกลายงา ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่ายางไม่สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยแล้ว หากเราปล่อยให้ยางเสื่อมสภาพมากเกินไป อาจทำให้ยางระเบิดขณะขับขี่ได้ ดังนั้นเมื่อเราพบว่ายางมีอาการแก้มยางแตกลายงาควร เปลี่ยนยางใหม่ ทันที ยางเก่าเกิน 5 ปี ยางรถยนต์มีอายุการใช้งาน โดยปกติยางที่ผลิตจากโรงงานจะมีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปี เมื่อยางรถยนต์เริ่มเสื่อมสภาพ […]

การดูแลรักษารถยนต์ที่ดีนั้นจำเป็นต้องดูแลยางรถด้วย เพราะยางเป็นส่วนสำคัญของรถยนต์ที่ช่วยให้รถยนต์ของเราสามารถแล่นไปบนท้องถนนได้อย่างปลอดภัย แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางรถยนต์แล้ว วันนี้ Michelin มีวิธีง่ายๆ มาแนะนำดังนี้

ดอกยางสึกหรอจนถึงจุดที่กำหนด

ดอกยางรถยนต์มีหน้าที่ในการเกาะถนนและรีดน้ำขณะขับขี่ฝ่าสายฝน เมื่อรถวิ่งมานานๆ ดอกยางบริเวณไหล่ยางจะเริ่มสึกหรอจนถึงจุดที่กำหนด ซึ่งจุดนี้จะมีความลึก 1.6 มิลลิเมตร เราสามารถตรวจสอบได้ด้วยการใช้ เหรียญ 10 บาท โดยนำเหรียญวางลงไปภายในร่องดอกยาง หากเราเห็นขอบเหรียญด้านซ้ายหรือขวา แสดงว่ายางของเราถึงเวลาเปลี่ยนใหม่แล้ว

ยางบวมหรือโป่งพอง

ยางที่บวมหรือโป่งพอง เกิดจากโครงสร้างภายในยางได้รับความเสียหายจากการใช้งาน เช่น การขับขี่บนถนนที่มีหลุมหรือแอ่งน้ำด้วยความเร็วสูง บริเวณที่บวมจะทำให้หน้ายางไม่แนบสนิทกับพื้นถนน เวลาขับขี่อาจทำให้รถเสียการทรงตัว เกิดการระเบิดของยาง และอาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นเมื่อเราพบว่ายางมีอาการบวมควร เปลี่ยนยางใหม่ ทันที

แก้มยางแตกลายงา

แก้มยางแตกลายงาเกิดจากการที่ยางเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน เมื่อแก้มยางเริ่มเสื่อมสภาพจะทำให้เกิดรอยแตกลายงา ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่ายางไม่สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยแล้ว หากเราปล่อยให้ยางเสื่อมสภาพมากเกินไป อาจทำให้ยางระเบิดขณะขับขี่ได้ ดังนั้นเมื่อเราพบว่ายางมีอาการแก้มยางแตกลายงาควร เปลี่ยนยางใหม่ ทันที

ยางเก่าเกิน 5 ปี

ยางรถยนต์มีอายุการใช้งาน โดยปกติยางที่ผลิตจากโรงงานจะมีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปี เมื่อยางรถยนต์เริ่มเสื่อมสภาพ ดอกยางจะมีความลึกน้อยลง ทำให้ประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนลดลงและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นแม้ว่ายางรถยนต์ของเรายังมีสภาพดี แต่หากมีอายุการใช้งานเกิน 5 ปีแล้ว เราควร เปลี่ยนยางใหม่ เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่

ยางไม่สมดุลหรือกินข้าง

ยางที่ไม่สมดุลหรือกินข้าง เกิดจากลมยางอ่อนหรือแข็งไม่เท่ากัน การตั้งศูนย์ล้อที่ไม่ตรง หรือการสึกหรอที่ไม่สม่ำเสมอของดอกยางทั้ง 4 เส้น ซึ่งจะทำให้เกิดเสียงดังขณะขับขี่และส่งผลให้รถเสียการทรงตัว เมื่อเราพบว่ายางรถยนต์ของเรามีอาการข้างต้น ควรนำรถไป ถ่วงล้อ และ ตั้งศูนย์ล้อ ให้ได้ค่ามาตรฐานที่กำหนดใหม่ เพื่อให้ยางรถยนต์ของเรากลับมาสมดุลและมีประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนที่ดีขึ้น

ตารางเปรียบเทียบราคาเปลี่ยนยางปี 2567

ยี่ห้อรุ่น	ขนาดยาง	ราคา
Michelin Primacy 4	205/55 R16	4,500 – 5,500 บาท
Bridgestone Turanza T005A	215/60 R17	5,000 – 6,000 บาท
Goodyear Assurance MaxGuard	225/50 R18	6,000 – 7,000 บาท
Continental PremiumContact 6	235/45 R19	7,000 – 8,000 บาท
Pirelli P Zero Rosso	245/40 R20	8,000 – 9,000 บาท

หมายเหตุ: ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับร้านจำหน่ายยางและโปรโมชั่นในแต่ละช่วงเวลา

สรุป

การตรวจเช็คและเปลี่ยนยางรถยนต์ให้ตรงตามเวลาที่กำหนดนั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะยางรถยนต์เป็นส่วนที่ช่วยให้รถยนต์ของเราสามารถแล่นไปบนท้องถนนได้อย่างปลอดภัย ผู้ขับขี่ควรหมั่นตรวจสอบสภาพยางรถยนต์อยู่เสมอ และหมั่นสังเกตความผิดปกติต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น โดยวิธีการที่เราได้แนะนำไปข้างต้นสามารถช่วยให้เราสังเกตสัญญาณเตือนที่บอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนยางรถยนต์แล้วได้อย่างง่ายๆ เพื่อความปลอดภัยของเราและผู้ร่วมทาง